Shopping Weekend @ Central Chidlom

   สวัสดีจร้าา วันศุกร์ที่แสนสุขของเรา วันนี้ผมสุดแสนจะอารมณ์ดี เพราะว่า การสอบที่สุดแสนจะหฤโหดก็ได้ผ่านพ้น เสียที ก็เลยเจียดเวลาจากการอ่านหนังสือเตรียมการสอบ มาเดินช้อปปิ้ง กันหน่อยดีกว่า สถานที่ๆผมจะไปเดินช้อปกระจายในวันนี้ ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ แต่เป็น ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล (Central) นี่เอง สาขาที่ผมไปในวันนี้คือ สาขา ชิดลม น้อยคนนักที่จะรู้จักเซ็นทรัลสาขานี้ เพราะว่า ส่วนใหญ่ รู้จักแต่สีลม คำว่า ชิดลมคงดูไม่คุ้นหู เซ็นทรัลสาขานี้ตั้งอยู่บนถนน เพลินจิต อยู่หัวมุมบริเวณแยกซอยชิดลมพอดีเลย ครับ สถานที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมากๆเลย เนื่องจากมีสถานีรถไฟฟ้า ผ่านด้านหน้า และยังอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ อีกด้วย เซ็นทรัลสาขานี้ ได้เปิดทำการในปี พ.ศ.2516 ซึ่งใช้แนวคิดหลักแบบ “วัน สต๊อป ช๊อปปิ้ง” (one stop shopping) คือ มาที่ห้างเซ็นทรัลเพียงแห่งเดียวได้สินค้าครบทุกอย่างโดยไม่ต้องแวะเวียนไปซื้อยังแหล่งอื่น ต่อมาห้างเซ็นทรัลชิดลมกลายเป็นหัวใจการบริหารงานของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ซึ่งย้ายฐานมาจากสาขาสีลม และทั้งยังเป็นสาขาที่ทำรายได้สูงสุดมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ภายในห้างเขาได้จัดสถานที่ให้สวยงามต้อนรับวันวาเลนไทน์ ด้วยบรรดาดอกไม้มากมายหลากหลายสีสัน มาจัดวางไว้ตามส่วนต่างๆของห้าง ไม่ว่าจะเป็นทางขึ้น-ทางลงบันไดเลื่อน หน้าลิฟท์ บริเวรระเบียงของโถงเปียโน ซึ่งเป็นโถงขนาดใหญ่ของห้าง วันนี้ผู้คนเดินกันมากมายเต็มไปหมด เพราะว่าเป็นวันสุดสัปดาห์ เลยมีคนมาถ่ายรูปกับบรรดาดอกไม้กันเต็มเลย ห้างสรรพสินค้าเซ้นทรัลแห่งนี้ ภายในตกแต่ง

  

ได้หรูหรามากๆ บรรยากาศนี่ระดับบรรดาคุณหนู คุณนาย ไฮโซ เดินกันเลยทีเดียว ด้วยการประดับไฟในห้างให้เป็นสีเหลืองทองนวลตา น่าเดินดูชมเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่น่าแปลกไปจากเซ้นทรัลสาขาอื่นๆ คือ เซ็นทรัลสาขานี้ไม่มีส่วนที่เป็นพลาซ่าคือ ในบริเวณที่เป็นร้านให้เช่า ให้ได้พบเห็น แต่ว่าจะเป็นไปได้ไงละครับก้ต้องมีบ้าง แต่อยู่บริเวณด้านหลังของของส่วนที่เป็นห้างครับ อยู่ที่ชั้น 2 ใกล้ๆกับทางเชื่อมไปลานจอดรถอะครับ   ร้านที่อยู่ที่นี่ ส่วนใหย่จะเป็นร้านขายสินค้าที่มีชื่อเสียง ที่ผมพอจะรู้จักก็จะมี สถาบันความงาม Lancome ส่วนร้านอื่นๆไม่ค่อยจะรู้จักสักเท่าไหร่ เพราะนานๆจะเข้าไปซื้อของเสียสักที ส่วนของสินค้าที่ขายก็ใช่ว่าห้างตกแต่งหรูแล้วของจะแพงนะครับ ไม่เลยครับ เป็นราคามาตรฐานที่เซ็นทรัลทุกสาขาเขาใช้กัน มันดูแตกต่างไปก็ตรงที่การตกแต่งเท่านั้นเองครับ เซ็นทรัล แห่งนี้ มีแบรนด์สินค้าดังมาออกบู๊ทส์ อยู่ก็เยอะนะครับ ที่เห็นเด่นๆแล้วมีคนเข้าไปรุมซื้อรุมดุเยอะก็จะมี LONGCHAMP ซึ่งเป็นแบรนด์ของกระเป๋าถือชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส แล้วก็มี COACH BALLY DIOR มากมายเต็มไปหมด ของเค้าหรูหราจริงๆก็แบบนี้ดูกันจนตาลายละครับแผนกกระเป๋าถือ ก็จัดดูแบบคลาสสิกเหมือนกัน ใช้แสงเล่นสี ให้สินค้าดูน่าใช้วะเหลือเกิน แผนกนาฬิกาก็ใช่ว่าย่อย มีแบรนด์นาฬิกา ระดับโลกมาตั้งจัดวางไว้มากมายให้เลือกสรรค์ ส่วนของบีทูเอส (B2S) ก็จะอยู่ในชั้นบนสุดของห้างคือชั้น 7 ภายในก็ตกแต่งได้ดูดีพอๆกับส่วนของ

    

เซ็นทรัลเลย หลังจากที่เดินช้อปปิ้งมาซะนมนาน ก็รุ้สึกว่าเหนื่อยก็เลย เข้ามานั่งพักดื่มน้ำดื่มกาแฟกันที่ ห้องพรีเมียร์เล้าจน์ ซึ่งเป็นห้องที่จัไว้รับรอง ลูกค้าที่ถือบัตรเซ็นทรัลเครดิตการ์ด ที่เป็น Foundation Member คือ เป็นลูกค้ามาตั่งแต่เริ่มก่อตั้งห้างเซ็นทรัลสาขารชิดลมขึ้นในปี 2516 เป็นต้นมา นั่งพักจนหาย

  

เหนื่อยก้มาเดินซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตกันต่อ ซุปเปอร์มาเก็ตที่เซ็นทรัลแห่งนี้ ไม่ใช่ ท็อปส์ หรืออย่างไรนะครับ แต่เป็นซุปเปอร์มาเก็ตที่มีชื่อว่า เซ็นทรัลฟู้ดส์ฮอลล์ต่างหาก (Central food Hall) เป็นซุปเปอร์มาเก็ตอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราไม่แพ้กับส่วนของห้าง ซึ่งดูได้จากการจัดเรียงสินค้าที่ดูแปลกตาไป มีการจัดเรียงให้ดูน่าซื้อใช้กันจริงๆ ผลไม้ก้น่ารับประทานด้วยความที่สินค้าสดใหม่ ผมก็เลยอดใจไม่ได้ที่จะซื้อสักนิดหน่อย เดินกันมานาน ก็เลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทานข้าวเย็น ผมก้เลยไปนั่งทานที่ FoodLoft ซึ่ง

  

เป็นส่วนของร้านอาหารที่เซ็นทรัลขายเอง ราคาก็แพงใช่เล่นนะครับ เริ่มต้นกันที่จานละ 45 บาท ไปจนถึง 300-400 ก็มีโดยเฉพาะบรรดาอาหารต่างชาตินะครับ ราคาสูงลิบลิ่วเลย แต่วันนี้ ผมได้ทาน กุ้งผัดซอสอิตาเลี่ยนกับข้าวกล้องงอก พร้อมด้วยน้ำกีวี่ ราคาก็จะอยู่ที่ 190 บาทอะครับ แพงอยู่เหมือนกัน แต่อร่อยคุ้มค่ากันจริงๆดูได้จากวัตถุดิบที่นำมาทำครับ ของเค้าคัดสรรแต่สิ่งที่ทมีคุณภาพแล้วสดใหม่จริงๆ หลังจากที่ทานข้าวเสร็จกันก็รีบเดินไปซื้อของที่ขาดเหลือต่อ สงสัยซื้อมากไปอะครับ เลยหิ้วกลับบ้านไม่ไหว จากที่กะว่าจะนั่งรถเมลล์ จะได้ประหยัดด้วย เลยต้องกลายเป็นว่ามานั่ง รถไฟฟ้า BTS แทน พอกลับถึงบ้าน เหนื่อยจริงๆครับ เมื่อยล้าไปหมด แต่ก็สนุกครับ เพราะว่านานๆจะได้มีเวลามาเดินช้อปปิ้งคนเดียว พักหลังเอาแต่อ่านหนังสือจนไม่ค่อยได้เดินห้าง ยังไงก็ขอเชิญชวนให้เพื่อนๆได้ไปเดินห้างเซ็นทรัลสาขานี้ดูครับ เปลี่ยนมุมมองที่แตกต่างในการช้อปปิ้งบ้าง ชีวิตจะได้ดูมีสีสันมากขึ้น ขอจบความสุขไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ ไว้มาติดตามกันใหม่ในครั้งหน้า ท้ายสุดขอกล่าวคำว่า สวัสดีครับ ที่ได้ติดตามผลงานมาตลอด ก่อนจากกันขอฝากไว้นิดนึงว่า

 “โลกนี้เป็นเหมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ มีพื้นที่มากมายให้เราเรียนรู้ได้ไม่สิ้นสุด
เรื่องราวอันแสนมหัศจรรย์ ยังคงซุกซ่อนอยู่ในโลกใบนี้ ถ้าไม่เริ่มต้นออกเดินทาง ก็คงไม่มีทางค้นพบ……… ” ^-^

:) น้ำเต้าหู้ใบเตยมาแล้วจร้าา… :P

   ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม เมื่อเอ่ยถึงน้ำเต้าหู้ทีไร ก็พาให้นึกถึงบรรยากาศตอนเช้าๆ น้ำเต้าหู้ส่วนใหญ่เราจะพบเห็นเป็นลักษระคล้ายนม น้ำเต้าหู้ถือได้ว่า เป็นอาหารว่างของไทยอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งได้จากการนำถั่วเหลือง มาบด มาปั่นหรือโม่ให้ละเอียดแล้วนำไปต้มกรอง โดยจะได้น้ำเต้าหู้ ซึ่งก็คือนมถั่วเหลืองที่เจือจางลงนั่นเอง ในน้ำเต้าหู้ มีสารอาหารจำพวกโปรตีนอยู่มาก เนื่องจากถั่วเหลืองมีโปรตีนสูง เนื่องด้วยถั่วเหลืองมีคุณค่าทางโภชณาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากสัตว์ ถ้าเราบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่สูงพอ ร่างกายจะได้รับโปรตีนเพียงพอกับความต้องการได้ น้ำเต้าหู้สามารถทานเป็นเครื่องดื่มได้ทันที นิยมรับประทานเป็นมื้อเช้าเป็นส่วนใหญ่ มักทานคู่กับ ปาท่องโก๋ หรือเป็นน้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง โดยใส่ สาคู ลูกเดือย วุ้น หรือธัญพืชชนิดอื่นๆ ตามใจชอบ วันนี้ ผมเลยอยากจะพาไปรู้จักกับร้านน้ำเต้าหู้อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งอยู่แถวๆบ้านผมเอง เป็นร้านที่ซื้อทานเป็นประจำ น้ำเต้าหู้ร้านนี้ พิเศษกว่าร้านอื่นๆ ตรงที่ว่า เขาน้ำน้ำที่คั้นจากใบเตยสดๆ ใส่ลงไปด้วยทำให้ได้รสชาติที่ หอมหวานซะเหลือเกิน ร้านนี้ มีชื่อว่า ร้านพี่เจี๊ยบน้ำเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ที่ขายก็จะเป็นน้ำเต้าหู้ทรง

    

เครื่อง มีเครื่องให้เลือกใส่ก็หลายอย่างอยู่ถึงจะไม่มากก็ตาม แต่เครื่องแต่ละอย่างเนี่ย อร่อยๆทั้งน้าน เครื่องร้านนี้มี ก็จะมีสาคูเชื่อมน้ำตาล หวานกำลังดี เม็ดแมงเล็ก วุ้นสีขาว สวยสดใสเป็นธรรมชาติ ปราศจากการใส่สี แบะ ต้มจนนิ่มพอควรนุ่มกำลังดี ถั่วแดงเชื่อม ไม่หวานจนเกินไปหวานได้ที กลมกล่อม และ น้ำตาลทรายขาวใสบริสุทธิ์ปราศจากสารฟอกสี ในส่วนของน้ำเต้าหู้เจ้าทั่วๆไปจะเป็นสีขาว แต่เจ้านี้ สีของน้ำเต้าหู้จะออกเขียวอ่อนเพราะมี ส่วนผสมของใบเตยปะปนอยู่ ทำให้

    

ได้รสชาติที่อร่อยและหอมหวลอบอวลด้วยกลิ่นไปเตย ลอยอยู่ในจมูกขณะทาน น้ำเต้าหู้ร้านนี้ ขอบอกว่าเข้มข้นมากๆ สังเกตได้ไม่ยากครับ เพราะน้ำเต้าหู้ร้านนี้ เพียงไม่นานก็จะมีฟองเต้าหู้ผุดขึ้นมาเป็นเยื่อบางๆ ซึ่งถ้าน้ำเต้าหู้ไม่เข้มข้นจริงๆ ฟองก็จะไม่ขึ้นมา เพียงไม่ถึง 2 นาที เราก็ได้ทานฟองเต้าหู้นุ่มๆ เสียแล้ว อร่อยซะจริง (พูดแล้วอยากจะกินอีกจังเลย) เมื่อไรที่มีน้ำเต้าหู้ เราก็จะนึกถึง ปาท่องโก๋ ซึ่งเป็นของที่มาคู่กัน ที่ร้านพี่เจี๊ยบก็มีขายเช่นกัน ไม่ใช่ปาท่องโก่ อย่างเดียว ซาลาเปา ก็ได้มีขายด้วย คุณพี่เจี๊ยบเขาทอดได้อร่อยมากๆ เนื้อแป้งนี่กรอบนอกนุ่มในอย่างเห็นได้ชัด ช่วงนี้เป็น โอกาส พิเศษที่เราได้ไปเยือนร้านน้ำเต้าหู้ของพี่เจี๊ยบ เขาเลยถือโอกาส เปิดตัวสังขยาใบเตย ที่มีชื่อว่า สังขยาออเดย์ บริการขายไว้สำหรับการรับประทานคู่กับปาท่องโก่ แสนอร่อย รสชาติของสังขยา หอมหวานจริงๆ กลิ่นใบเตยเนี่ย คละเคล้าในจมูก ก็จะได้อรรถรสที่แปลกออกไปอีกอย่าง พูดมาตั้งนาน เรามากล่าวถึงราคา ของน้ำเต้าหู้บ้างดีกว่า ราคาน้ำเต้าหู้ถ้าไม่ใส่ เครื่องราคาก็จะอยู่ที่ 6 บาทต่อถุง ถ้าใส่เครื่อง ใส่ทุกอย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ราคาก็จะอยู่ที่ 7 บาท ต่อถุง ในส่วนของปาท่องโก่และซาลาเปา ราคาก็จะอยู่ที่ตัวละ 2 บาท และ 5 บาท (ตัวใหญ่)ยังไง

     

ถ้าผ่านไปแถวนั้นหรืออยากลองพิสูจน์ความอร่อยก็ไปอุดหนุน คุณพี่เจี๊ยบได้นะครับ ร้านตั้งอยู่ที่ ซอยพญาไม้ ถนนพญาไม้ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ การเดินทางก็เข้ามาจากถนนพญาไส่วนสังขยาใบเตย ราคาก้จะอยู่ที่ถ้วยละ 10 บาท ไม่แพงใช่ไหมละครับ หากใครสนใจก้สามารถมาอุดหนุนร้านของคุณพี่ม้แล้วขึ้นสะพานข้ามคลองสมเด้จเจ้าพระยามาก็จะเจอเอง อยู่ที่ท้ายซอยบริเวณแยกพอดี ร้านก้จะเปิด ตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป ในตอนเช้า ก็ขายเหมือนกันแต่ขายเพียงปาท่องโก๋อย่างเดียว น้ำเต้าหู้ไม่ได้ขาย หากไม่ทราบทางๆจริงๆก็สามารถสอบถามคนละแวกแถวๆนั้นไก็ด้นะครับ เขาใจดีกันทุกคนเลย ก่อนจากกัน ขอฝากไว้ความห่วงใยในสุขภาพของท่านผู้อ่านมา ณ. ที่นี้ ด้วยเพราะว่า เราห่วงใยในสุขภาพของท่านจริงๆ จึงได้คัดสรรเลือกแต่สิ่งที่ดีๆมานำเสนออยู่บ่อยๆ เจอกันใหม่ในครั้งหน้านะครับ สวัสดี ขอให้มีความสุข  ^0^

ศูนย์ฝึกอบรมธนาคารไทยพาณิชย์ SCB

    สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก กับ ศูนย์ฝึกอบรมธนาคารไทยพาณิชย์ กันหน่อยนะครับ ศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้ อยู่ภายใต้การควบคุมและบริหารงาน ของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งได้ ถือหุ้น 100% และมอบหมายให้ บริษัท ธทพ.ศูนย์ฝึกอบรม จำกัด เป็นผู้ดูแลด้านธุรการ ตลอดจนการเงิน ของบริษัท ซึ่งแม่ของผมก็ได้ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์บริหารงานอยู่ด้วย ภายใต้ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายบัญชี ประจำอยู่ที่ ห้องเรือนกระจก โซนซี ชั้น 17  สำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน จุดมุ่งหมายของศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้ คือ ต้องการจะฝึกอบรมพนักงานของธนาคารและกลุ่มบริษัทในเครือธนาคาร เพื่อให้อยู่ในขอบค่ายและกฎระเบียบที่ถูกต้อง ตลอดจนให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของธนาคารในฝ่ายต่างๆ อีกประการที่สำคัญ คือ พนักงานของธนาคารและบริษัทในเครือสามารถพาครอบครัวมาพักหย่อนใจได้ในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมีบรรยากาศและวิวที่สวยงาม ในราคาที่สุดแสนจะประหยัด เพียงแค่ คืนละ 800 บาท สำหรับ ห้อง Standard และ 1200 บาท สำหรับห้อง Delux และราคา 2500 บาท สำหรับบ้านพักที่เป็นบังกะโล อันได้แก่ บ้านศรีตรัง บ้านจันทร์กระพ้อ ฯลฯ ที่แห่งนี้มีลักษณะคล้ายเหมือนกับ โรงแรม แต่ไม่ใช่นะครับ บริหารงานเหมือนกับโรงแรมก็จริง แต่เรายังคงให้บริการเหมือนกับการใช้สวัสดิการพนักงานอะครับ ที่นี่ก็จะมีห้องอาหาร สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องเล่นสนุกเกอร์ ลานเล่นเทนนิส และ เรือยอร์ทสำหรับท่องเที่ยว ไว้คอยอำนวยความสะดวกครับ เรามาดูรูปภาพกันเลยดีกว่านะครับ ปกติคนก็จะมาพักส่วนใหญ่ในวันเสาร์-อาทิตย์ แต่วันที่ผมไปเป็นวันธรรมดาคนเลยไม่ค่อยจะมี น่าเสียดายนะครับที่เขาไม่เปิดโอกาส ให้บุคคลทั่วไปเข้าใช้บริการ แต่เขาเปิดให้เฉพาะ แค่พนักงานธนาคารอะครับ น่าเสียดายจริงๆ

   

   

   

   

   

   

^_^..Now Opening! NuArm Photo..^_^

    สวัสดีครับ วันนี้อาจจะมาแปลกไปกว่าครั้งก่อนๆหน้านี้ วันนี้ผมจะขออาสาเป็นตัวแทนขอแนะนำและเปิดตัว NuArm Photo อย่างเป็นทางการ ณ.ตรงนี้เลยนะครับ หลายคนคงสงสัยว่า อะไรนะที่คือ NuArm Photo ขออธิบายว่า เป็นธุรกิจการบริการของทางบ้านผม ถูกสร้างสรรค์ขึ้นและดำเนินการโดย พี่สาวของผมเอง การบริการของเราคือรับจ้าง ถ่ายภาพสวยๆ ในโอกาสสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานวันเกิด งานรับพระราชทานปริญญาบัตร งานเลี้ยงสังสรรค์ทั่วไป งานบวช งานมงคลสมรส ฯลฯ  โดยถ่ายภาพจากกล้อง SLR ยี่ห้อ Canon ซึ่งภาพที่ถ่ายออกมาจากกล้องชนิดนี้ จะมีคุณภาพดีเยี่ยมมากๆ ด้วยความละเอียดของกล้องสูงสุดถึง 17.8 ล้านพิกเซล และกำลังขยายที่อยุู่ในตัวกล้อง หรือ ออพติคอลซูมมากถึง 20 X  สามารถแยกสีได้หลากหลายสี ความคมชัดเหมือนดั่งตาเห็น จับภาพด้วยความเร็วสูงสุดเพียง 1.89 วินาที สามารถเลือกถ่ายภาพได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบอัตโนมัติ โพราไลท์(เป็นการที่เน้นบุคคลให้เด่น แล้วบรรยากาศรอบๆก็จะดูเลือนลาง ลง แต่จะมีสีเข้มมากขึ้น) พาโรนามามุมกว้างถึง 180 องศา ในช็อตเดียว ควบคุมการถ่ายภาพโดยช่างภาพฝีมือดี จาก NuArm Photo คุณภาพการบริการของเราเป็นเลิศ ราคาในการบริการย่อมเยาว์ สามารถรับงานบริการได้ทั้งในและนอกสถานที่ หากสนใจก็ติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-9184199 หรือ 082-9507799 ขอสายคุณน้องเจมมี่  หารท่านมีความสนใจในบริการของเราสามารถโทรมาคุย สอบถามรายละเอียดหรือตกลงราคากันก่อนได้ทุกวัน ในเวลา 08.00-20.00 น เพื่อเป็นการการันตีคุณภาพทาง NuArm Photo ขอเรียนเชิญชื่นชมตัวอย่างภาพที่เราได้ถ่าย จากนายแบบ นางแบบ และบรรดาครอบครัวที่เคยมาใช้บริการ แล้วรู้สึกประทับใจในบริการของเรา ภาพที่ได้จัดแสดงก็จะเป็นการถ่ายในหลายๆแบบคละเคล้าปะปนกันไป ขอเชิญรับชมได้เลยครับ
         
 
          
 
           
 
           
   
         
    
            
    
         
                     
                    
                    
                     
                           
                     
                     
                
 
                    
         
                     
                      
                     
                     
                                                          
                     
                     
                     
                      
                     
                     
                     
          
                      
                      
                      
                      
                      
                      
                      
                      
                       
                      
                      
                      
                             
         
                       
                         
                                      
                      
                      
 ขอขอบพระคุณในความไว้วางใจมาตลอดที่ได้ติดตามเรื่องราวมาตลอด ขอจบเอาไว้ด้วยภาพถ่ายแบบที่น่าประทับใจเหล่านี้ ณ.ตอนนี้ขอกล่าวอำลา ไปก่อนนะครับ ไว้พบเจอกันในครั้งต่อไป 

:P…หอยนางรมสดทรงเครื่อง…อาหารจานโปรด…:P

   หลังจากที่งานเลี้ยงพบปะและสังสรรค์ของครอบครัวผม ก็ได้จบสิ้นและผ่านพ้นไป แต่ด้วยความที่ติดใจในรสชาติ ของหอยนางรมทรงเครื่องตอนนั้นมันยังฝังลึกอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากทานๆมากๆก็เลยดั้นด้นออกเดินทางไปซื้อ มาทำกินเองซะเลย สูตรไหนไม่สนใจ สูตรเราเนี่ยแหล่ะ ดีที่สุด อร่อยไม่อร่อยไม่มีใครว่า จากนั้นก้ได้เริ่มทำทันที เริ่มแรก เราก้ไปจ่ายตลาดกันก่อน ตลาดที่ผมเลือกจะไปจ่ายของมาทำอาหารเมนูนี้ ก็คือ ตลาดวงเวียนใหญ่ อยู่ใจกลางฝั่งธนฯนี่เองครับ มีของสดๆใหม่ ให้ได้เลือกกันทุกวัน ราคาของสินค้า ก็ไม่ใช่ว่า ถูกมากหรืออย่างไรนะครับ แต่เอาสะดวกไว้ก่อน เพราะใกล้บ้านด้วย หากเรา รู้จักเลือกซื้อของที่มีคุณภาพมาทำ ไม่ว่าตลาดไหนก็ตาม อาหารก็อร่อยเหมือนกันทั้งนั้น เอาละครับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า วัตถุดิบที่จะนำมาทำ ได้แก่ 1.หอยนางรมสด (ที่ตลาดแห่งนี้หอยนางรมแบบแกะสดๆ หาได้ยากครับ ถ้าไม่ได้มาเช้าจริงๆก็ไม่เจอ ตอนที่ไปมันบ่ายแล้ว ก็เลย ซื้อหอยนางรมที่เขาใส่ถ้วยพลาสติกแทน แต่ก็สดเหมือนกันนะครับ เพราะเป็นหอยสด นี่แหล่ะ แต่เขามาแช่ในน้ำแร่เพื่อรักษาคุณภาพมันเฉยๆ) 2.ยอดกระถิน (ควรเลือกต้นที่อ่อนๆจะได้ทานลงไปแล้วไม่ฝาดคอ) 3.พริก กระเทียม มะนาว (นำมาทำน้ำจิ้มครับ รสชาติก็จะแตกต่างกันไปตามความชอบของคนทาน) 4.พริกเผาและหอมเจียว (นำมาทาน เพื่อแก้เลี่ยนที่เกิดจากรสชาติของหอยนางรมหรือไม่ก็เพิ่มความหอมให้รสชาติจัดจ้านมากขึ้น) แค่นี้เราก็ได้วัตถุดิบมาพร้อมแล้ว เริ่มการทำได้เลยครับ อันดับแรกเราก็จะมาจัดการกับหอยนางรมกันก่อน  โดยการนำมาล้างในน้ำเปล่าให้สะอาด อีกทั้งเพื่อให้กลิ่นคาวทะเลหายไปด้วย เมื่อล้างเสร็จก็ในใส่กลับถ้วยพลาสติก เหมือนเดิมแต่ต้องทำให้แห้งหน่อย อย่าเปียกนะครับด้วยจะไม่อร่อย แล้วก็นำไปแช่ในตู้เย็นเพื่อให้หอยเย็นตัวลง เวลาทานจะได้ไม่คาวด้วย หลังจากที่ได้จัดการหอยไปเสร็จ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ น้ำจิ้ม รสชาติเนี่ยต้องแซบและจัดจ้านตามฉบับของคุณน้องเจมมี่ หอยนางรมจะไม่อร่อยไม่อร่อยนอกจากขึ้นอยู่กับตัว

    

หอยเป็นสำคัญแล้ว ยังขึ้นอยู่กับน้ำจิ้มด้วย ถ้าน้ำจิ้มอร่อยหอยก็จะอร่อยตามๆกันไป วิธีการทำน้ำจิ้ม ไม่ยากครับ เริ่มแรก ก็นำพริกขี้หนูสวนและกระเทียมที่ปลอกเปลือกเรียบร้อยแล้วมาตำในครก การตำควรที่จะเริ่มตำพริกก่อน ตำให้แหลกเลย แล้วค่อยใส่กระเทียมลงไป ในการตำกระเทียมไม่ต้องแหลกมาก เพราะเราต้องการรรักษารสชาติความหอมหวานของกระเทียมเอาไว้ เมื่อตำทั้งสองอย่างเสร็จก็ตักออกจากครกมาใส่ที่ถ้วยแทน เราจะมาทำการปรุงรสกันนอกครก สาเหตุที่ไม่ปรุงในครกเนื่องจากจะได้กำหนด อัตราส่วนระหว่างมะนาวและน้ำปลาให้พอดี การปรุงรสเราก็จะใส่มะนาว 3 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลทรายนิดหน่อย บางทีเราอาจจะใส่ผงชูรสลงไปหน่อยก้ได้นะครับ เพื่อความกลมกล่อมของรสชาติ แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้ทานจะชอบหรือไม่ เมื่อเราใสเครื่องปรุงเสร็จ เราก็เริ่มคนให้เข้ากันได้เลยครับ เมื่อคนไปสักพัก ก็ชิมสักหน่อย เพื่อที่จะดูว่าขาดรสชาติอะไรจะได้เติมลงไปตามใจชอบเลยครับ แต่มีข้อแม้อยู่ว่า เพื่อความอร่อยของน้ำจิ้ม ควรที่จะมีรสชาติเปรี้ยวขึ้นนำก่อน แล้วตามด้วยความเค็มหรือไม่ก็ความเผ็ดแล้วแต่ชอบ แต่จะให้รสชาติเผ็ดนำไม่ได้เด็ดขาดเพราะจะทำให้รสชาติไม่อร่อยครับ อันนี้ผมลองมาแล้วเลยอยากจะบอกให้ทราบกันไว้ เมื่อเราทำน้ำจิ้มเสร็จและได้รสชาติตามต้องการแล้ว ก็ตักออกมาใส่ถ้วยตั้งพักทิ้งเอาไว้ก่อน รอทานหรือรอหอยนางรมให้เย็นได้ที่ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเราก็เริ่มรับประทานกันเลย การจัดวาง ควรที่จะจัดวางให้หอยนางรมอยู่ตรงกลางรายล้อมด้วยบรรดาถ้วยเครื่องเคียงที่แยกเป็นอย่างๆไว้และถ้วยน้ำจิ้มสุดแซบที่้เราได้ทำเอาไว้ก่อนนหน้านี้ การทานไม่ใช่ว่าเอาเข้าปากเลยนะครับ เพื่อความอร่อยเราควรทานอย่างมีขั้นตอน เริ่มจากการนำหอยนางรมมาวาง แล้วโรยด้วยหอมเจียว ยอดกระถิน ตักน้ำพริกเผาใส่ซะเล็กน้อย ตามลำดับ แล้วก็ราดด้วยน้ำจิ้ม (ควรตักกระเทียมในน้ำจิ้มออกมาทานด้วยสักหน่อย เพื่อความหอมหวานในรสชาติของน้ำจิ้ม) จากนั้นก้เริ่มนำเข้าปากทานได้เลย ถ้าจะให้ดีควรที่จะทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรือไม่ก็ทานเป็นกับแกล้มก็จะได้อรรถรสที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลด้วย อย่างไรก็ตาม ผมก็อาจจะทำเมนูนี้ขึ้นมาอีก แต่จะมีการพลิกแพลงสูตรเล็กน้อย เพื่อพัฒนาฝีมือให้อร่อยๆยิ่งขึ้นไป แต่ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตดีกว่าเพราะเวลานั้นยังมาไม่ถึง ถ้าถึงแล้วก็ค่อยมาว่ากันใหม่ สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่า การทำเนี่ยการเลือวัตถุดิบที่ดีและมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพของผู้รับประทานด้วย เรื่องของฝีมือเป็นเรื่องรองลงมา อร่อยหรือไม่อร่อย ของแบบนี้มันฝึกหัดกันได้ ก่อนจากกัน ขอฝากความอร่อยในเมนูนี้ พร้อมกับคำพูดเล็กน้อย ว่า ควรบริโภคแต่น้อยและหมั่นออกกำลังกาย เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีของท่านด้วย ลาไปก่อนนะครับ ไว้เจอกันในครั้งหน้า สวัสดีครับ….ท่านผู้อ่านทุกคน



กุ้งย่างซอสเทริยากิทรงเครื่องสูตรบ้านเรา…..

  สวัสดีท่านผู้อ่าน ที่น่ารักทุกท่าน หลังจากที่ได้หายหน้าหายตาไปนาน วันนี้เราก็ได้กลับมาพบเจอกันอีกแล้ว เมื่อหลายวันที่่ผ่านมานี้เองครับ ทางบ้านของผมได้มีการจัดปาร์ตี้เล็กๆขึ้น เพื่อเป็นการพบปะสังสรรค์กันตามปกติของในบ้าน ไหนๆก็พบเจอหน้ากันก็ได้มีการทำอาหารต่างๆมากมาายขึ้นเพื่อมาร่วมกันรับประทาน อาหารก็มีให้เลือกมากมายหลากหลายอย่าง เต็มไปหมด แต่เอาแค่เบาะๆละกันนะครับ จานแรก ก็เป็น กุ้งเผาครับ กุ้งที่นำมาทำเนี่ยเป็นกุ้งม้าลาย เนื้อของมันเนี่ย อร่อยมากๆกรอบกรุบกรับ หวานเนื้อกุ้งแบบธรรมชาติๆ ได้อรรถรสของจริงเลย แต่ตอนอย่างลำบากหน่อบนะครับ เพราะจะกินของอย่างของเผาเนี่ยมันต้องใช้เวลานาน พอสมควรเลยทีเดียว จานต่อมาอันนี้บอกตรงๆเลยว่าเป็นของโปรดของผมเลยทีเดียว สุดยอดความแซ่บของบรรดาอาหารทะเลทั้งปวง คือ หอยนางรมสดๆทรงเครื่อง หอยนางรมที่นำมาทำจานนี้ คัดสรรอย่างดีเลย ซื้อตอนที่ยังเป็นๆอยู่เลยหมั่นใจในความสดใหม่ได้ บวกกับเครื่องเคียงที่หอมกรุ่น ของหอมเจียวและกลิ่นมะนาวในน้ำจิ้ม โอชารสซะไม่มีน่ะคุณผู้ขม พอดีกว่า อย่าพรรณนามากเดี๋ยวน้ำลายไหล ไปดูกันที่จานเด็ดของเรากันดีกว่า อาหารจานนี้เป็นฝีมือของผมเองครับ มีชื่อว่า กุ้งย่างซอสเทริยากิทรงเครื่อง(สูตรบ้านเรา) อาหารจานนี้เพิ่งคิดได้ไม่นานนี้เอง เนื่องจากว่า มีกุ้งสดเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ไม่ได้ทำอะไรทานก็กลัวจะเสียของ ทันใดนั้นเองเหลือบไปเห็นซอสเทริยากิ อยู่ขวดหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ  ซอสขวดนี้ได้รับมาเมื่อตอนปีใหม่ จากญี่ปุ่น เลยนะเนี่ย ขอบอกๆ จึงได้นำซอสมาหมักกับกุ้งที่เตรียมเอาไว้ อัตราส่วนเท่าไหร่ ไม่รู้จริงๆ แต่จำได้ว่าซอสเนี่ย ใส่หมดขวดเลย เพราะขวดมันเล็กแล้วก็

  

มีน้อยด้วยเลยตัดสินใจเทแหลกลานลงบนเนื้อกุ้ง จากนั้นเราก็หมักเนื้อกุ้งกุ้งกับซอสเทริยากิทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง เคล็ดลับในการหมัก มีอยู่ว่า ขณะหมักควรที่จะนำเข้าไปแช่ในตู้เย็น เพื่อให้ความเย็นรักษาความสดของกุ้งและรสชาติของซอสเทริยากิให้เข้าเนื้อได้ง่าย กว่าการตั้งพักทิ้งเอาไว้เฉย ปล่อยให้โดนลม กุ้งก็หมดความอร่อยพอดี เมื่อทำการหมักกุ้งเสร็จ จนครบเวลา 2 ชั่วโมง เราก็นำมาอย่างบนเตาถ่านที่มีไฟร้อนระอุๆได้เลย ปล่อยให้กลิ่นหอมไหม้ๆของถ่านซึมผ่านเนื้อกุ้งลงไปจะได้กลิ่นของกุ้งที่หอมมากๆ เนื้อกุ้งที่หมักเสร็จจะเป็นสีน้ำตาลออกคล้ำๆหน่อย เหมือนว่าสุกแต่ยังไม่สุกนะครับ สีของซอสต่างหากที่ทำให้กุ้งเปลี่ยนสีไป เริ่มอย่างได้เลยครับตอนนี้ การอย่างก็ต้องพิถีพิถันหน่อย เพราะอาหารที่ย่างหรือเผาเนี่ยมันต้องใช้เวลา ควรใจเย็นๆ เมื่อด้านหนึ่งสุกพอควรก็กลับด้านให้มันหน่อยจะได้สุกเหมือนกันทั้งสองด้าน ระหว่างนี้ เพื่อเพิ่มความหอมของตัวกุ้ง ผมจึงได้นำเนยมาทาบางๆบริเวณตัวกุ้ง แล้วทำการกลับด้านเพื่อให้เนยได้รับไอความร้อนจนละลายเป็นชั้นๆเคลือบบางๆที่เนื้อกุ้ง การอย่างควรกำหนดระยะเวลาให้พอสมควร ไม่งั้นกุ้งจะไหม้ ขณะเดียวกันต้องควบคุมความร้อนด้วยให้อยู่ในระดับที่พอดีๆ เมื่ออย่างเสร็จก็นำมาจัดเรียงใส่จานจัดให้ดูน่าทาน แต่ดูเหมือนว่ามันจะขาดอะไรไปหน่อย จึงได้นำหอมเจียวมาโรยหน้าให้กลิ่นหอมปะปนกันไป ด้วยความที่ตัวผมเองเป็นคนที่ชื่นชอบรสชาติเปรี้ยวจึงได้นำมะนาวมาบีบเพิ่มด้วย จานนี้อร่อยทั้งบ้าน ใครสนใจก็สามารถนำไปทำทานได้นะครับ กรรมวิธีการทำก็ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้นแล้ว แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนไปคือ ซอสเทริยากิ ที่นำมาหมักขึ้นอยู่กับว่า จะใช้ยี่ห้ออะไร ความอร่อยจะเปลี่ยนไปก็ตรงนี้แหละครับ หากจะนำเอาไปพลิกแพลงสูตรก็ไม่ว่ากันครับ ขอแค่ค่าลิขสิทธิ์ก็พอ (ล้อเล่น 555) ยังไงก้ขอให้ทำออกมาอร่อยๆละกันนะครับ วันนี้ก่อนลาจากกันไปขอฝากรูปน่ารักๆ ที่เป็นภาพในงานเลี้ยงสังสรรค์ให้ชมกันสักหน่อยนะครับ สุดท้ายนนี้ขอกล่าวค่ำว่า สวัสดี ก่อนที่จะลาจากกันไป ^_^

                                            

                                                  

งานวันเด็ก (แบบเด็กๆ) ปี 2554

   เทศกาลปีใหม่ก็ผ่านไป ไม่นานวันที่เด็กๆทุกคนต่างรอคอยก็ได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือ วันเด็ก นั่นเอง วันเด็กของปี พ.ศ.2554 นี้ ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม ท่านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ให้คำขวัญวันเด็กไว้ว่า รอบครอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ ในวันนี้จะเห็นได้ว่ามีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนจากหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆมากมายให้ไปร่วมงานวันเด็กในสถานที่ต่างๆ และสิ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆทุกคนในวันนี้ คือ การที่ได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น การได้รับของแจก การได้ขึ้นรถสาธารณะฟรี และเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นต้น วันเด็กแห่งชาติปีนี้ ผมไม่ได้ไปเทียวที่ไหนแต่อย่างไร เพราะเนื่องจาก ต้องอยู่ช่วยที่บ้านทำของขาย จึงไม่ได้มีเวลาไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆเหมือนเด็กคนอื่นๆแต่อย่างไร ในตอนเช้าของวันนั้น ผมก็ได้เดินทางไปทำบุญตักบาตรที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สวนสมเด็จย่า บริเวณแถวบ้านของผม ผมได้ทำการตักบาตรพระสงฆ์เป็นจำนวน 9 รูปด้วยกัน จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านมาเพื่อกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เป็นอันเสร็จพิธี เวลาสายๆประมาณ 10 โมงได้ ผมกฌ็ไม่รีรอที่จะโอ้เอ้ จึงรีบกลับมาช่วยงานที่บ้าน บริเวณหน้าบ้านผมในปีนี้ ได้มีการจัดงานวันเด็กขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือจากบรรดาพวกผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลายมาเป็นแม่งาน โดยการบริจาคเป็นเงินเพื่อนำไปซื้อสิ่งของและอาหาร เครื่องดื่มต่างๆมาแจก หรือไม่ก็ช่วยเป็นอาหาร มาแจกกับเด็กๆและบรรดาผู้ที่มาร่วมงาน เมื่อเวลาเข้าใกล้ 4 โมงเย็น หน่อย เสียงเพลงจากกลางวอยก้ได้เริ่มดังขึ้น ผู้คนจำนวนมากก็ได้เริ่มนำโต๊ะมาตั้ง เพื่อวางอาหารสำหรับแจกจ่าย ในงานวันเด็กครั้งนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะช่วยอะไรดี จะทำขนมมาช่วยเหมือนปีก่อนๆเห็นคงจะไม่ได้ เพราะ ภาระงานต่างๆที่มีมากมายทำให้ไม่มีเวลา จึงได้แต่ช่วยงานเป็นเงินจำนวน 500 บาท แทนเพื่อนำไปให้เขาซื้อของต่างๆมาแจกในงาน เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก งานก็ได้เริ่มขึ้น ภายในงานมีการจับฉลากชิงรางวัลต่างๆมากมาย เช่น พัดลม ตุ๊กตา กระเป๋าใส่ของ กล่องเอนกประสงค์ และ จักรยาน เป็นต้นบวกกับการแจกอาหารและเครื่องดื่มต่างๆมากมาย เริ่มต้นจากภายนอกซอย คือ ท้ายซอยก่อน ร้านของคุณพี่น้อง งานนี้คุณพี่น้องได้ช่วยเป็นเค้กขนมปังหน้าวิปครีมจำนวน 300 ชิ้น ซึ่งถือว่ามากพอสมควร และน้ำลูกเกดแช่เย็นหม้อขนาดใหญ่อีก 2 หม้อเต็มๆ ข้างกันก็จะเป็นร้านของพี่เจี๊ยบขายน้ำเต้าหู้ วันนี้ร้านนี้ไม่ได้แจกน้ำเต้าหู้แต่อย่างใด แต่ได้ทำการพลิกแพลงสูตร มาเป็นปลาท่องโก๋จิ้มซอสสังขยาแทน ด้วยความกรอบของปลาท่องโก๋ที่กรอบนอกนุ่มในและความหอมกลิ่นใบเตยที่ติดมากับซอสสังขยา อร่อยมากๆ ขอบอก ใกล้กัน ร้านป้าเปิ้ลก้ได้ทำรวมมิตรน้ำแข็งใสออกมาแจกกันกินคลายร้อน รสชาติของน้ำแข็งใสนี่ก็หวานตาม

   

เคย ภายในก็จะมี ข้าวโพด เฉาก๊วย ลูกชิด ฯลฯ ก่อนที่จะไปรวมกันเพื่อจับฉลากชิงของรางวัล ทันใดนั้นเอง เสียงตะโกนก็ดังออกมาจากท้ายซอย ว่าร้านของป้าตุ๋ยก็ได้นำกับข้าวออกมาแจกแล้ว งานนี้แกก็ได้ผัดหมี่กะทิ 2 หม้อใหญ่ ผัดมักกะโรนีในซอสมะเขือเทศทรงเครื่องอีก 1 หม้อใหญ่ และก็ยังมีข้าวผัดทรงเครื่องใส่กุนเชียง เผือก เห้ดหอม หมูสับ ไข่ไก่มาคอยแจกตลอดงาน สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของร้านป้าตุ๋ยคือ รสชาติของกระเพาะปลาที่แสนอร่อย งานนี้ป้าตุ๋ยก็ได้ทำมาแจกด้วยถึง 2 หม้อใหญ่เต็มๆ รสชาติอร่อยแบบไม่เปลี่ยนแปลงเลย คงคอนเซ็ปเดิมคือ เน้นเนื้อกระเพาะปลา และความเหนียวของน้ำใกล้ๆกับร้านป้าตุ๋ย เราก็ได้พบผู้ใหญ่ใจดีอีกแล้ว ไม่ทราบว่าชื่ออะไร แต่เขาได้ลงทุนไปเหมาร้านโรตีจากสี่แยกบ้านแขกมาทอดแจกกันสดๆเลยทีเดียว แป้งโรตีนี่กรอบนุ่ม ที่มาพร้อมกับความหอมและหวานของนมกับน้ำตาล คนละต่อแถวยาวกันเป็นเมตรๆเลย ที่กลางซอยมีการเปิดดนตรี ให้บรรดาเด็กๆออกมาเต้นเพื่อชิงเงินรางวัลกันอย่างสนุกสนาน โดยบรรดาพ่อแม่ต่างก็นำพาบุตรหลานมาเต้นกันอย่างคึกคัก วันนี้ซอยบ้านผมจากที่เคยเงียบกล่ยเป็นสนุกสนานด้วยเสียงเพลงไปเลย มีผู้คนจำนวนมากมาย ไม่รู้ว่ามาจากไหนกัน แห่แหนกันมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงไปจนถึงบรรดาคนเฒ่าคนแก่เดินกันพลุกพล่าน ชุลมุนวุ่นวายกันเต็มไปหมด มาถึงเรื่องของกินกันบ้างดีกว่า ภายในซอยกันบ้าง ปีนี้มีคนใจดีมาเหมาร้านก๋วยเตี๋ยวของป้าเล็กเราหมดเลย คนละยืนต่อแถวกันยาวเลย เพื่อที่จะรอกินก๋วยเตี๋ยว จนหมูที่ต้มนี่เปื่อยไม่ทันเลย ข้างกันก็จะเป็นที่ ของร้านป้ายุ ปีนี้ก็ได้ลงทุนทอดหมูกระเทียมพริกไทย กับ ข้าวสวยร้อนๆ ใส่ถาดโฟมบริการกันทั่วหน้า แต่คุณป้ายุ แกไม่ค่อย

   

ว่าง เลยได้ส่งพี่เล็กคนสวยมายืนหน้าโตีะแทน บรรดาเด็กๆนี่ชอบจังเลยนะ หมูทอด น่ากินจังเลย หอมมากๆข้าวก็นุ่มด้วย เพราะว่าผสมข้าวหอมมะลิชั้นดีมาด้วยส่วนหนึ่ง ถัดไปอีกหน่อยที่กลางสะพานจะเห็นแถวยาวโล่เลย คนที่กำลังต่อแถวนี่เขามารอทานทอดมันสูตรปลาอินทรีย์ของคุณป้าแจ่มนี่เอง งานนี้มีคนเหมาแกมารสชาติทอดมันของแกนี่ กินลงไปได้เนื้อสุดๆอะครับ แป้งน้อยมากหรือว่าจะไม่มีก็ว่าได้ มาพร้อมกับรสชาติของน้ำจิ้มทอดมันที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในสูตรถั่งลิสงและมะนาวผสมกับน้ำจิ้มสูตรดั้งเดิม ใกล้ๆกับร้านของป้าแจ่ม ก็มีขนมคุ้กกี้ของร้านตัดเสื้อและชุดราตรีที่มีชื่อว่า วนา มาแจกกันให้อร่อยด้วย คุ้กกี้ที่นำมาแจกเป็นคุ้กกี้รสอัลมอนด์บดอบกรอบและโรยหน้าด้วยถั่วแมคคาเดเมีย สีสันน่าทานมากๆ ทานกับกาแฟคงจะอร่อยไม่ใช่น้อยเลยนะครับ ถึงเวลาอันสมควร การเริ่มจับฉลากก็ได้ เกิดขิึ้นแล้ว ในการจับฉลากมีเสียงเชียร์ในรางวัลใหญ่ๆของบรรดาผู้เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เป็นเรื่องปกติที่มีงานสังสรรค์เกี่ยวกับเด็กเกิดขึ้นก็จะมีลูกโปร่งรูปร่างน่ารักๆและแบบที่แปลกมาขาย ด้านหน้าปากซอยก้จะมีการวางบอรืดประกาศรายชื่อของผู้มีอุปการะคุณของผู้ร่วมกันจัดวาน ผมมีความรู้สึกชื่่นใจมากที่ได้มีชื่อติดอยู่ในบอร์ด ในฐานะของผู้มีอุปการะคุณ เมื่อถึงตาผมจับฉลากผมก็ได้จับฉลากได้รางวัลเป็นกล่องของขวัญชิ้นหนึ่ง เมื่อเปิดออกมาเป็นนาฬิกาตั้งแขวน รูปดอกทานตะวัน สีสวยสดใส งานวันเด็กในวันนี้ผมรู้สึกมีความสุขมากๆ ที่ได้ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้มีความสุข รอยยิ้ม กลับบ้าน ถึงแม้จะเหนื่อยเยี่ยงไรก็ตามก็รู้สึกว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้พบเห็นในความสุขของคนจำนวนมากที่มาร่วมงาน งานที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ผมจะเก็บเอาเรื่องราวต่างๆและความทรงจำที่ดีๆที่ได้พบเห็น ให้อยู่ในใจตลอดไป เพราะเมื่อกลับมาย้อนคิดก็จะได้รับรู้ว่า ในอดีตครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นเด็กเหมือนกับคนอื่นๆเขาเหมือนกัน ทำให้ได้รู้ว่าชีวิตในวัยเด็กของเราๆทุกคนก็มีความสุขมากแค่ไหน สุดท้ายนี้ขอฝากว่า กาลเวลาผ่านพ้นไปเร็วมากๆ ขอให้ทุกคนทำแต่สิ่งที่ดีๆ เอาไว้เพื่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตในสังคมของเราทุกคนต่อไป สืบเบื้องหน้า….

Foremost หมาน้อยผู้น่ารัก

   เมื่อช่วงคริสมาสต์ที่ผ่านมา ในวันที่ 25 ธันวาคม ปีที่แล้ว ทางบ้านของผมได้รับของขวัญชิ้นหนึ่งจากญาติ ที่สนิทๆกันในครอบครัว สิ่งที่ได้รับก็คือ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้รับมาคือสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงที่ได้รับก็คือ ทาสผู้ซื่อสัตย์ของมนุษย์นั่นเอง หรือ สี่เท้าแสนรู้ ภาษาในทางสุภาพและเป็นทางการเรียกว่า สุนัข แต่ภาษาชาวบ้านๆเรียก หมา ในที่นี้ผมขอใช้ว่าหมาแล้วกันนะครับ เพราะว่าเรียกง่ายและสะดวกดี หมาที่ได้รับในวันนี้ เป็นหมาที่เพิ่งเกิดได้เพียงแค่ 1 เดือน จึงจับมันแยกออกจากแม่ ซึ่งอยู่ในสายพันธุ์หมาไทย คือ พันธุ์บางแก้ว พันธุ์นี้เชื่อได้เลยว่า ถ้าโตขึ้นมามันจะดุมากๆ แต่ถ้าได้รับการฝึกดีก็จะสามารถควบคุมมันได้ แต่ตอนนี้มันยังเล็กอยู่จึง ดูน่ารักและน่าเอ็นดู หอมได้กอดได้จูบได้ทุกวันไม่มีปัญหา ส่วนทว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จะดุร้ายหรือไม่ เรื่องนั้นขอทิ้งไว้ก่อน จุดมุ่งหมายในตอนนี้คือ การพยายามเลี้ยงให้น้องหมาตัวนี้เจริญเติบโตและหลุดพ้นจากการเป็นลูกอ่อนไปได้ซึ่งเป็นเรื่องที่บอกตรงๆว่าค่อนข้างอยากต้องอาศัยความอดทนในการเลี้ยงดูสูง ในวัยนี้มันต้องการนมแม่มาก แต่ด้วยที่ได้จากแม่ของมันมา ทำให้ไม่มีนมที่มาจากเต้าให้ได้กิน ทางบ้านของผมจึงได้แต่ นำนมจืดโฟร์มดให้มันกินไป หลังจากที่กินนมไปได้ประมาณ 15 วัน ก็ได้เปลี่ยนมาให้อาหารเม็ดควบคู่กันไปด้วย ตามคำแนะนำของผู้ที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงหมาพันธุ์๋นี้มาก่อน การนำหมาเข้ามาในบ้านครั้งนี้ สมาชิกในบ้านเห็นด้วยบ้างก็มีไม่เห็นด้วยก็มี แต่อย่างไรก็ทอดทิ้งมันไม่ลง เพราะก็ถือว่าเขาได้เกิดมาบนโลกและมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์ก็ตาม ส่วนชื่อของน้องหมาตัวนี้ ทางบ้านได้ให้ชื่อว่า โฟร์มด สาเหตุที่ชื่อนี้ไม่ใช่ว่าชอบดื่มนมโฟร์มดกันหรืออย่างไร แต่เพียงแค่ว่า แม่ของมันนั้นชื่อว่า ปาล์มมี่ ซึ่งเป็นชื่อดารา เราก็เลยต้องทำการตั้งให้มันสอดคล้องกันระหว่างแม่กับลูก หมาตัวนี้เลี้ยงง่ายมากๆครับ ถึงจะพูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนกับคนเราแต่ ผมก็รับรู้ได้ว่า มันก็จะพยายามทำในสิ่งที่เราบอกอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้มันเริ่มรู้ชื่อตัวเองแล้ว เวลาเรียกชื่อ โฟร์มด มันก็จะหันไปตามเสียงนั้นแล้วรีบวิ่งมาในทันที วันแรกที่มา โอ้โห นี่เหรอมา ซนมากเลย เลี้ยงน้องมากี่คนยังไม่เท่ากับเลี้ยงหมา 1 ตัวเลย ก็จึงจัดการพาโฟร์มดไปไหว้เจ้าที่ในบ้านก่อนเพื่อเป็นการขออนุญาต ตามความเชื่อเมื่อมีสมาชิกใหม่มาอยู่ในบ้าน เพื่อให้เจ้าที่คุ้มครอง วันเวลาผ่านพ้นไปถึงจะไม่นานนัก ตัวของโฟร์มด เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆเป็นระยะๆไป ขนตามตัวเริ่มแสดงให้เห็นสีชัดขึ้น เป้นสีขาวกับสีน้ำตาลสลับกัน หมาตัวนี้เป็นเหมือนกับสิ่งที่สร้างความผูกพันให้คนในบ้านผมเลย เพราะทุกคนต่างก็หันมารักมัน ทำให้มีความอบอุ่นไปด้วย ระยะแรกๆที่ได้รับมา กลัวว่าจะกัดกับกระต่ายที่เลี้ยงอยู่แต่ที่ไหนได้ล่ะ มันกลับอยู่ด้วยกันได้อย่างดี เกินความคาดหมายจริง เพราะมันไม่กัดกัน แต่ยังวิ่งเล่นไล่กันอยู่อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นความผูกพันของสัตวืที่ดูแปลกไปอีกแบบ ขนาดสัตว์ต่างเผ่าพันธุ์กันมันยังอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขเลย นับประสาอะไรกันเล่าที่คนเราจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ น่าละอายแก่สัตว์มันจริง ขอจบการนำเสนอเพียงแค่นี้นะครับ ขอขอบคุณและสวัสดี  ^_^

                          

ไหว้พระขอพร..รับวันปีใหม่..^_^

   ก่อนอื่นผมต้องขอกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่ กับท่านผู้อ่านที่ได้ติดตามและให้ความสนใจมาตลอดเวลา ปีใหม่แล้ว มันเป็นสัญญาณที่ว่า เราจะต้องเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆบ้าง ในชีวิต วันนี้ เป็นวันแรกของปี พ.ศ. 2554 จึงขอเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการไปไหว้พระขอพร ให้มีแต่ความสุข ในปีนี้ ด้วยความที่ว่า ไม่อยากจะไปเที่ยวไหนไกลๆบ้าน ทางบ้านของผมจึงเลือกที่จะไป วัดโสธรวราราม อ.แปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือ วัดหลวงพ่อโสธร นั่นเอง จุดแรกที่ได้ไปก็คือ โรงเจหลวงพ่อโสธร สถานที่แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวัดโสธรวราราม ซึ่งติดอยู่กับแม่น้ำบางประกง พอดีกับส่วนโค้งเลย คือบริเวณที่เป็นส่วนคล้ายกับการหักมุม ทำให้เห็นแม่น้ำได้ทั้ง 2 ข้าง วิวดีมากๆครับ โรงเจแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพเจ้า ตามความเชื่อของคนจีนโบราณไว้มากมาย เมื่อเดินเข้ามาควรที่จะสังเกตบริเวณบานประตูของโรงเจ คือทั้งสองข้างจะมีองค์เทพเจ้าเฝ้าประตูอยู่ 2 องค์ ซึ่งแต่ละองค์มีลักษณะการแต่งตัว อาวุธประจำกาย และหน้าตาที่แตกต่างกันออกไป (ตามภาพที่แสดงเลยครับ) ชาวจีนเชื่อกันว่าเป็นด่านแรกที่จะป้องกันเพศภัยและภูตผีปีศาจรวมถึงสิ่งอัปมงคลทั้งหลายที่จะเข้ามาสูู่ในบ้าน  เทพองค์แรกที่จะกล่าวถึงในที่นี้ คือ พระสังกัจจายน์ ภาษาจีนบ้านผมเรียกว่า ไต่ปุ้ยฮุกโจ้ว คนที่มาที่นี่ นิยมนำเหรียญบาท มาโยนใส่ที่ สะดือของท่าน เชื่อว่า หากโยนเข้าก็จะประสบความสำเร็จสมหวังในสิ่งที่ได้ขอเอาไว้ การมาไหว้ในครั้งนี้ ผมก็ได้นำสิ่งของมาไหว้ด้วย คราวนี้ขอแบบเบาะ ก็มี ชมพู่ 4 ลุก ส้มสายน้ำผึ้งจัดเรียงเป็น กองจำนวน 4 ลูกเช่นกัน ดอกไม้ที่นำมาถวายก็คือ ดอกกล้วยไม้ สาเหตุที่ไม่ใช้ ดอกดาวเรืองเพราะว่า ดาวเรืองในขณะนั้นมีราคาสูงมากๆ ที่ปากคลองตลาดขนาดแค่พวงเล็กมีดาวเรืองเพียงแค่ 3 ดอก ราคายังปาเข้าไป 30 บาทเลย สู้ไม่ไหวจริงๆ เลยประหยัดไว้ดีกว่า และสุดท้ายก็คือ น้ำมันพืช น้ำมันพืชที่ใช้ไหว้นี้ ใช้เติมตะเกียง เชื่อว่า จะทำให้ชีวิตโชติช่วงเหมือนดวงไฟที่สว่างเจิดจ้า บ้างก็เชื่อว่าเหมือนการเติมแสงสว่างให้กับชีวิต เมื่อไหว้

             

จุดนี้เสร็จ เราก็จะเดินวนไปด้านซ้ายเพื่อไปกราบสักการะเทพองค์ต่อไป เทพองค์ต่อไปคือ ไฉ่ซิ่งเอี้ยะ หรือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ปางที่ประดิษฐานอยู่นี้ ที่มือ จะถืออักษรจีนที่เขียนว่า ไช่ หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง ความโชคดี คนส่วนใหญ่ที่บูชา มักจะขอในเรื่องของโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ เงินทอง ความร่ำรวย เทพองค์ต่อไปคือ เทพไท่ส่วยเอี้ย หรือเทพเจ้าผู้ดูแลดวงชะตา มีคนเยอะมาก มาทำการสะเดาะเคราะห์ ปีนี้คนที่ชง ก็จะมี ปีชวด ปีเถาะ ปีมะเมีย และปีระกา สาเหตุที่คนเยอะ เนื่องมาจาก มีผู้คนจำนวนมากที่มาสะเดาะเคราะห์ ยืนไหว้อยู่อย่างพลุกพล่าน ข้างๆกันก็จะมีตู้เก็บป้ายวิญญาณของคนตายไว้มากมาย ตู้นี้คนที่ไหว้ส่วนใหญ่ก็จะเป้นลูกหลาน ถ้าไม่ใช่ลูกหลานส่วนใหญ่ก็นิยมเดินผ่านไปเฉยๆ แต่ผมได้จุดธูปไหว้ไปหนึ่งดอก เพื่อเป็นการให้เกียรติและแสดงความเคารพ ต่อมาก็คือ เทพขุนเขาบู้ตึ้ง หรือ เจ้าพ่อเสือนั่นเอง ภาษาจีนเรียกว่า ตั่วเหล่าเอี้ยะ ผู้คนที่ไหว้เชื่อว่า เป็นการขออำนาจบารมี เสริมราศีให้กับชีวิตตนเอง ผมก้ได้มากราบขอพรเช่นกัน เทพองค์ต่อไปคือ เจ้าแม่กวมอิมปางพันมือ พันเนตร ปางนี้ถือได้ว่าเป็นปางขององค์เจ้าแม่กวนอิมที่งดงามที่สุด เพราะมีมือหลายมือ และแต่ละมือก็จะถือสิ่งของที่เป็นมงคลแตกต่างกันไป เช่น ยอดหลิว แจกันทอง มือประสานกันนั่งสมาธิ เป็นต้น เมื่อเราไหว้เทพในชั้นล่างเสร็จก็ได้ขึ้นไปต่อในชั้นที่สอง ระหว่างที่ขึ้นสังเกตบริเวณขั้นพักตรงบันได มองไปที่กำแพงพบว่ามีการตกแต่งด้วยกระเบื้องหลากหลายสีสัเป็นรูปต่างๆ ที่เห็นนี้คือ รูปเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์กำลังลอย อยู่ท่ามกลางสายน้ำเจ้าพระยา เมื่อขึ้นมาถึง ชั้นนี้ก็ได้ประดิษบานเทพเจ้าทั้งไทยและจีนอีกเช่นกัน มีการบูชาด้วยการจุดธูปและเทียนจำนวนมาก แสงสว่างของเทียนจึงสะท้อนวูบวาบเต็มไปหมด กล่าวถึงบรรดาองค์เทพกันบ้างๆ ส่วนใหญ่ทางวัดเขาจะจัดการนำองค์พระต่างๆเข้าตู้กระจก เนื่องจากควันธูปและควันเทียนจำนวนมากจะทำให้องค์พระเป็นคราบสกปรก จึงถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เริ่มด้วยองค์กลางก่อน คือ องค์หลวงพ่อโสธรจำลอง ด้านซ้ายมือขององค์หลวงพ่อโสธรจำลอง ก็คือ องค์เจ้าแม่กวมอิมปางนั่งสมาธิประทานพร ส่วนด้านขวาขององค์หลวงพ่อโสธรจำลองคือ องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ผู้เป็นราชาแห่งสรวงสวรรค์ ขวามือสุดของชั้นนี้ก็ได้ประดิษฐานองค์เทพแปดเซียน ส่วนด้านซ้ายสุดก้มี องค์เทพที่เรียกว่า หมอเทวดา ไม่แน่ใจชื่อจีนนะครับบวกกับความที่ว่าจำไม่ได้ด้วยก็เลยไม่อยากเขียนเดี๋ยวเขียนผิดไปจะเสียเปล่าๆ ด้านขวาของ

         

                                 

ชั้นนี้ ในตำแหน่งที่ตรงกันกับชั้นล่างจะพบว่ามีการประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม ไว้ด้วยเช่นกัน แต่จะเป็นปางค์พันมืออีกแบบหนึ่ง ซึ่งองค์เป็นสีน้ำตาล ในชั้นเดียวกันเหนือศีรษะของเราถ้าเดินออกมาที่ประตูใกล้ๆกับระเบียง จะสังเกต เห็นกลอง และ ระฆังใบใหญ่ ที่แขวนอยู่ สองสิ่งนี้ นิยมตีถวายแด่องค์เทพเจ้าต่างๆที่สถิตยือยู่ในศาลเจ้า การตีกลองและระฆังมีความเชื่อว่า จะทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง กังวาลไกล มีคนรักใคร่นับถือ เหมือนกับ เสียงของกลองและระฆังที่ได้ตีไป ผมได้ไปเขย่าใบเซียมซี เพื่อเสี่ยงทายดวงชะตา ปรากฎว่า คำทำนายออกมาเป็นที่น่าพอใจมากๆครับ เพราะ ในใบเขาเขียนว่าดี และ กำลังจะมีโชคดีในเร็ววัน เมื่อไหว้พระกันเสร็จก็พากันไปเดินชมวิวสวยๆกันที่ระเบียงมองออกไปก็จะเห็นส่วนโค้งที่เป็นส่วนตัดของแม่น้ำบางปะกง อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว เมื่อเสร็จภาระกิจในการไหว้ขอพรกับองค์เทพเจ้าต่างๆแล้ว ผมและครอบครัวก้พากันไปรับน้ำมนต์ของทางโรงเจ ที่อยู่ข้างล่างหน้าทางเข้าประตูศาลเจ้า แล้วจากนั้นก็ได้เดินทางไปไหวพระในส่วนอื่นของวัดต่อ…. พบกันใหม่ในครั้งต่อไปนะครับ  ^_^

       

เซ็นทรัลพลาซ่า แจ้งวัฒนะ แหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ใกล้ชุมชนเมือง

   ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเต็มๆว่า เซ็นทรัล พลาซา แจ้งวัฒนะ หรือภาษาปากแบบชาวบ้านสุดๆเรียกสั้นๆแต่ยังได้ใจความว่า เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เป็นศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ เขตเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เปิดบริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ศูนย์การค้า 8 ชั้น อาคารสำนักงาน 16 ชั้น และอาคารจอดรถ 10 ชั้น 2 อาคาร อยู่ระหว่างซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 26 และซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 ซึ่งเยื้องกับอาคาร Software Park ศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การค้าที่ทันสมัยที่สุดของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ เรียกเป็นภาษาอังกฤษตามคอนเซ็ปที่ผู้บริหารเซ็นทรัล ถ้าจำไม่ผิด ก็คือ “ The best interactive lifestyle shopping complex in Bangkok ” แปลว่า สิ่งที่ดีที่สุดในการดำเนินชีวิตที่ซับซ้อนแลละโต้ตอบด้วยการช้อปปิ้งในกรุงเทพฯ เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ แห่งนี้เป็นศูนย์การค้าที่ถูกออกแบบในสไตล์ศูนย์การค้าชุมชนเมืองเห็นเขาเขียนหน้าห้างว่า Urban City Design (เลยจดมาด้วย) ซึ่งเป็นแนวทางการออกแบบศูนย์การค้าฯ แนวใหม่ และทันสมัย โดยสร้างสรรค์จากนักออกแบบและสร้างสรรค์โดยสถาปนิกชั้นนำของไทยและทีมที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบศูนย์การค้าจากอเมริกา โดยมีจุดเด่น ได้แก่ แผงกระจกใส ด้านหน้าออกแบบโดย บริษัทออกแบบจากยุโรปที่ชื่อว่า Manuelle Gautrand และหลอดแอลอีดีแบบประหยัดพลังงานที่ซู้ด…เลย ตกแต่งด้านหน้าอาคาร ที่สามารถโปรแกรมเป็นลวดลาย Graphic ด้วยการดีไซน์เป็นรูปต่างๆและตัวหนังสือได้ ยาว 7.5 กม. ตัวอาคารก่อสร้างโดยไม่มีเสาบดบัง มี ระบบควบคุมที่สามารถเปลี่ยนรูปทรง ได้หลายรูปแบบ โดยคอมพิวเตอร์ และเป็นอาคารที่ใช้ระบบประหยัดพลังงาน มีการใช้กระจกลดความร้อน ระบบปรับอากาศแบบไม่มีสารเคมี (กระจกใสมากๆ) ชั้นบนสุดคือชั้นที่ 23 ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง(ขออภัยด้วย ที่ไม่ได้เก็บภาพมา เพราะว่ามันสูงจริงๆขึ้นไม่ไหว บวกกับความกลัวด้วย) ภายในห้างออกแบบให้มีความหรูหรา มีพื้นที่กว้างมากๆสุดลูกตา ด้วยการออกแบบให้มีลักษณะเป็นโดมทรงสูงสลับซับซ้อนไปมาจนดูแล้วงงจริงๆ…นะครับ บวกกับการมีบันไดเลื่อนมาเสริมข้างๆในพื้นที่ที่จำกัดด้วย เมื่อดูแล้วจึง แปลกๆไปอีกแบบนึง ห้างแบ่งนี้เป็นส่วนต่างๆมากพอสมควร ชั้นล่างสุด เป็น ท็อปส์

     

มาร์เก็ตเพลส ไล่ขึันมาเป็นระดับๆ ก็จะเป็นในส่วนของดีพาร์ทเม็นต์สโตร์ ที่ขายของแบรนด์ดังต่างๆ แล้วก็จะเป็น ร้าน B2S ที่ออกแบบให้กว้างขวางใหญ่โต ด้วยหนังสือที่ครบครันและเครื่องเขียนที่ทันสมัยมากมายให้เลือกสรร ถัดขึ้นมาอีกชั้นก็จะเป็น ซุปเปอร์สปอร์ต (Supersport) ที่ได้รวบรวมอุปกรณ์ในการเล่นกีฬา อันทันสมัยดูดีตลอดเวลา มาจัดจำหน่ายตลอดไป พร้อมการกับดีไซน์ที่เก๋กว่าใครเพื่อน… ขึ้นมาอีกชั้นก็จะเป็น พาวเวอร์บาย (Power Buy) ที่จัดจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสุดไฮเทค และ นำเสนอเทคโนโลยีอันแปลกใหม่ที่อิมพอร์ตจากเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้าโดยตรง…ห้างนี้จอดรถไม่เสียตังค์ครับ ยังไงก็ขอให้ไปลองเดินช็อปปิ้งกันให้ได้นะครับ สถานที่แห่งนี้ดูแล้วมีความน่าสนใจเหมือนกัน ผมไปแล้วรู้สึกติดใจเลย และคาดว่าในไม่นานนี้ ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปเยือนอีกสักครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะช็อปปิ้งกันให้กระจุยกระจายไปเลย ขอจบการนำเสนอไว้เพียงเท่านี้นะครับ สวัสดี….. ^0^

Previous Older Entries